ประเด็นสำคัญที่ทำให้ “อิตาลี” มีชัยเหนือ “อังกฤษ” ในเกมนัดชิงยูโร 2020

เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่าอิตาลีสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร 2020 ได้สำเร็จ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้อังกฤษต้องอกหักชวดแชมป์ในบ้านของตัวเอง ณ สนามเวมบลี่ย์ เมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทั้งๆ ที่มีความได้เปรียบอยู่หลายด้านจนถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่ง ทางด้านอิตาลีเองตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลังจากที่ไม่สามารถผ่านเข้ารอบไปแข่งฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองให้กลับมาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นและดุดันกว่าเดิม จนกลายเป็นม้ามืดทะลุถึงรอบชิงได้สำเร็จ มาดูกันว่าอะไรคือจุดเปลี่ยนในเกมนี้กัน

ปัจจัยที่ทำให้อิตาลีเอาชนะอังกฤษในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2020

1.โรแบร์โต้ มันชินี่ เปลี่ยนแท็คติคได้อย่างชาญฉลาด

จริงอยู่ว่าอังกฤษออกขึ้นนำได้เร็วมากตั้งแต่นาทีที่ 2 จากเท้าซ้ายของ ลุค ชอว์ หลังจากนั้นอังกฤษก็ใช้การตั้งรับที่เหนียวแน่นแล้วค่อยสวนกลับเพื่อหวังผล ฝั่งของอิตาลีก็มีเป๋เหมือนกันด้วยเสียงเชียร์ที่ดังกึกก้องไปทั่วสนามเวมบลี่ย์ ส่งผลให้เกมรุกที่มีความเด็ดขาดอันเป็นจุดเด่นแทบไม่ได้สร้างปัญหาให้ทัพสิงโตในครึ่งเวลาแรกเลยสักนิด

แต่ด้วยเวลามีน้อยนิดและโอกาสที่จะเข้ามาชิงไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ บวกกับประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างมากมายของมันชินี่ จึงได้รีบตัดสินใจเปลี่ยนตัวผู้เล่นในต้นครึ่งหลังทันที แล้วใช้แท็คติคเพรสซิ่งสูงตามที่ใช้อยู่บ่อยๆ ทำให้รูเกมกลับมาเป็นของอิตาลีและมีโอกาสทำประตูได้มากกว่าไปจนถึงนาทีที่ 120

2.เซาธ์เกต อุดจนโดนยิง

ช่วงครึ่งแรกต้องยอมรับว่าอังกฤษวางแผนมาดี ใช้หลังสามตัวแล้วให้วิงแบ็คทั้งสองข้างทำหน้าที่เติมเกมรุกได้อย่างอิสระจนได้ผลยิงขึ้นนำไปก่อน หลังจากนั้นก็ใช้วิธีแพ็คเกมรับได้อย่างหนาแน่นจนอิตาลีไม่สามารถผ่านเข้าไปลุ้นประตูได้เลย แต่พอมาถึงช่วงต้นเกมของครึ่งหลังอิตาลีเปลี่ยนตัวแก้เกมเน้นบุกมากขึ้น ในขณะเดียวกัน เซาธ์เกตยังเชื่อมั่นลูกทีมคิดว่าเอาอยู่แน่ๆ แต่หารู้ไม่ว่าการตั้งรับเพื่อป้องกันเกมรุกของอิตาลีตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง มันเหมือนกับระเบิดเวลาดีๆ นั่นเอง ท้ายที่สุดก็ถูกลงโทษจนได้หลังโดนตีเสมอจากการทำประตูของ เลโอนาร์โด โบนุชชี่

3.ใช้งานนักเตะได้แตกต่างมาก

การจัดตัวผู้เล่นในทัวร์นาเมนท์ยูโร 2020 ของเซาธ์เกตถือว่าสอบตกอย่างเห็นได้ชัด เป็นโค้ชที่มักใช้แต่ผู้เล่นเดิมๆ ไม่มีการหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงนักเตะ ส่วนคนเก่งๆ ที่มีทักษะสูงก็ปล่อยให้นั่งเป็นตัวสำรอง แถมเวลาเปลี่ยนตัวลงมาก็มักจะให้มาในช่วงนาทีที่ 70 ซึ่งก็เหลือแค่ 20 นาทีเองแทบจะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้กับทีมเลย และที่เห็นแบบไม่โอเคสุดๆ คือการเปลี่ยนตัวสำรองในนาทีสุดท้ายเพื่อไปยิงจุดโทษจนผู้เล่นต้องกลายเป็นแพะรับบาปพลาดเป้าไปในที่สุด

การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้นักเตะขาดความมั่นใจ และไม่มีโอกาสได้ดึงศักยภาพของตัวเองที่มีอยู่ออกมา ส่วนทางฝั่งอิตาลีนั้นให้โอกาสนักเตะได้เล่นจนครบ 25 คน กล้าที่จะเปลี่ยนผู้เล่นตัวหลักออกทันทีถ้าหากเล่นได้ไม่ดีพอ แล้วใช้ตัวสำรองที่ดีที่สุดลงไป นั่นจึงทำให้อิตาลีมีความสมดุลภายในทีมอย่างลงตัวที่สุดในเกมการแข่งขันยูโร 2020